วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551

LongNoseShrimp

ตอนนี้ได้มีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาในตู้กุ้ง   ชื่อว่าเจ้า "จมูกยาว" หรือ long nose shrimp  มีทั้งหมด
5 ตัว แต่แยกตัวผู้กับตัวเมียไม่ออกเพราะลักษณะคล้ายกันมาก  ส่วนเจ้าเชอรี่ก็เริ่มโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จึงเอารูปมาอัพเดทไว้เนื่องจากมีเสียงเรียกร้องจากสมาชิกชมรมเลี้ยงกุ้งอีกท่านหนึ่งขอมาว่าอยากดู.

^โฉมหน้าของเจ้าพินอคคิโอ
^ เจ้าเชอรี่แสดงความเป็นเจ้าถิ่น

ThailandBookFair2008


วันนี้ได้โอกาสไปเดินงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ศูนย์ฯ สิริกิต  โดยการชักชวนของเพื่อนสาวคลองสาม
ที่อุตส่าห์มาทั้งที่เป็นวันอาทิตย์ด้วยเหตุผลบางประการ   ซึ่งผู้เข้าชมงานก็มีจำนวนมากเหมือนทุกครั้ง  
ก็เกิดความสังสัยว่าไม่กี่วันก่อนดูข่าวทางทีวีแล้วนักข่าวได้บอกว่าจำนวนคนไทยเฉลี่ยอ่านหนังสือปีละ  
2 เล่ม หรือไม่อ่านเลย  ทำให้สงสัยกับจำนวนผู้คนที่มางานเป็นจำนวนมากในแต่ละครั้ง  แต่ก็อาจจะเป็น
ไปได้ที่คนส่วนมากจะอยู่เฉพาะในกรุงเทพ  ทำให้จำนวนเฉลี่ยทั้งประเทศออกมาอย่างนั้น  แต่ผมรู้สึกผิด
ปกติกับเรื่องปกติในการมาซื้อหนังสือของคนจำนวนมากที่หิ้วถุงกลับไปเต็มสองมือ  ในขณะที่จำนวนคน
ที่เตรียมถุงผ้าหรือกระเป๋ามาเองนั้นมีจำนวนน้อยมากจากที่สังเกต  ทำให้ผมรู้สึกว่าการรณรงค์ให้ลดใช้
ถุงพลาสติกนั้นยังไม่เข้าไปสถิตในใจผู้คนมากเท่าที่ควร.









วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ที่เก่าเวลาเดิน@VER GALLERY

วันนี้ได้เดินทางไปดูงานที่คลองสานพลาซ่า โดยตั้งใจจะไปดูงานของ ยูรี เกนสาคู
ที่จัดแสดงอยู่  เดินดูร้านค้าข้างทางไปจนเกือบถึงท่าเรือข้ามฟากจึงเห็นป้ายของ 
ver gallery บอกทางขึ้นไปที่ชั้นสองของตึกแถวที่เป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการ 
ด้วยความที่เคยมาเป็นครั้งแรกจึงรู้สึกงงๆกับสถานที่เล็กน้อย กับทางขึ้นที่เล็ก
และมืด แต่เมื่อเดินมาถึงห้องที่จัดนิทรรศการก็รู้สึกว่า เป็นแกลลอรี่ที่เหมาะแก่การ
แสดงงานศิลปะแห่งหนึ่ง เพราะด้วยห้องที่เป็นกระจกที่แสงธรรมชาติ สามารถส่อง
เข้ามาได้ และบรรยากาศด้านนอกมองออกไปเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้รู้สึกถึง
บรรยากาศที่สามารถเดินดูงานได้อย่างสบายใจ  ซึ่งงานของยูรี เกนสาคู ที่กำลัง
จัดแสดงอยู่นั้นก็ให้ความรู้สึกถึงความเป็นอดีตที่ดูเป็นมิตร  จากการเลือกใช้วัสดุ
ที่อยู่รอบๆตัวมาตั้งแต่อดีต มาดัดแปลงผสมกับการ Painting จนเกิดเป็นงาน
ศิลปะที่มีร่องรอยของความทรงจำในอดีตผสมอยู่













Com5 Exhibition

     หลังจากจบวิชาคอม 5 มาแล้วก็ยังไม่ได้เขียนถึงความรู้สึกถึงวิชานี้เพราะช่วงแรกๆ 
ยังนอนแล้วฝันว่าพรุ่งนี้ต้องส่งงานอยู่ (หลอน)  หลังจากสอบเสร็จแล้วก็เลยมีเวลา
กลับมานั่งยอนคิดถึงสิ่งที่ได้จากการเรียนวิชาอันเป็นที่สุดของภาควิชาออกแบบ
นิเทศศิลป์วิชานี้ ซึ่งก็นึกย้อนไปถึงคลาสแรกๆที่ยังมึนงงว่าควรจะต้องทำอะไรกับ
วิชานี้ และการที่อาจารย์ได้ให้ "อิสระ" ในการที่แต่ละคนจะเลือกสร้างงานขึ้นมาด้วย
ตนเองนั้น ทำให้รู้สึกว่าการมีอิสระมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด  เพราะจากการที่เคย
ทำงานตามกรอบของโจทย์ในแต่ละวิชา จึงไม่เคยที่จะคิดงานจากความคิดของตัวเอง
จึงเป็นการยากที่จะควบคุม "อิสระ" ที่ได้มาในครั้งนี้
      โดยผมเองรู้สึกชอบชั้นเรียนในช่วงเช้า ที่เป็นการให้เตรียมเรื่องที่สนใจในสัปดาห์
ที่ผ่านมา (ในห้องเรียกว่า "เรื่องฉูดฉาด") นำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในห้อง
โดยผมเองรู้สึกว่าจากการที่นักศึกษาได้ถูกกระตุ้นโดยอาจารย์ให้แสดงความคิดเห็น 
แต่ละคนก็มีความพยายามที่จะออกความคิดเห็นถึงแม้จะมากบ้างน้อยบ้างก็ตาม 
ส่วนความคิดเห็นของอาจารย์ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมต้องกลับมาคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องราว
ต่างๆ  ที่ปกติแล้วเป็นเรื่องที่ไม่เคยจะคิด เพราะรู้สึกว่ามันเป็นปกติของมันอยู่แล้ว
      ในชั้นเรียนสุดท้ายที่ได้มีโอกาสได้พูดคุยกันในห้องจัดแสดงนิทรรศการอาจารย์ได้ฝาก
ไว้ว่า "อยากให้วิชานี้เป็นเหมือนนาฬิกาปลุก เพื่อให้ทุกคนตื่นและหันมาสนใจกับสิ่งที่กำลัง
เกิดขึ้น ว่ามาตรฐานของนักศึกษาวิชาออกแบบชั้นปีที่ 4 ควรจะเป็นอย่างไร " ผมรู้สึกว่า
นาฬิกาปลุกได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว อยู่ที่ว่าใครจะลุกขึ้นมาหรือเลือกที่จะปิดนาฬิกา
แล้วนอนต่อ.














พบกันใหม่โอกาสหน้่า.