วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ที่เก่าเวลาเดิน@VER GALLERY

วันนี้ได้เดินทางไปดูงานที่คลองสานพลาซ่า โดยตั้งใจจะไปดูงานของ ยูรี เกนสาคู
ที่จัดแสดงอยู่  เดินดูร้านค้าข้างทางไปจนเกือบถึงท่าเรือข้ามฟากจึงเห็นป้ายของ 
ver gallery บอกทางขึ้นไปที่ชั้นสองของตึกแถวที่เป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการ 
ด้วยความที่เคยมาเป็นครั้งแรกจึงรู้สึกงงๆกับสถานที่เล็กน้อย กับทางขึ้นที่เล็ก
และมืด แต่เมื่อเดินมาถึงห้องที่จัดนิทรรศการก็รู้สึกว่า เป็นแกลลอรี่ที่เหมาะแก่การ
แสดงงานศิลปะแห่งหนึ่ง เพราะด้วยห้องที่เป็นกระจกที่แสงธรรมชาติ สามารถส่อง
เข้ามาได้ และบรรยากาศด้านนอกมองออกไปเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้รู้สึกถึง
บรรยากาศที่สามารถเดินดูงานได้อย่างสบายใจ  ซึ่งงานของยูรี เกนสาคู ที่กำลัง
จัดแสดงอยู่นั้นก็ให้ความรู้สึกถึงความเป็นอดีตที่ดูเป็นมิตร  จากการเลือกใช้วัสดุ
ที่อยู่รอบๆตัวมาตั้งแต่อดีต มาดัดแปลงผสมกับการ Painting จนเกิดเป็นงาน
ศิลปะที่มีร่องรอยของความทรงจำในอดีตผสมอยู่













Com5 Exhibition

     หลังจากจบวิชาคอม 5 มาแล้วก็ยังไม่ได้เขียนถึงความรู้สึกถึงวิชานี้เพราะช่วงแรกๆ 
ยังนอนแล้วฝันว่าพรุ่งนี้ต้องส่งงานอยู่ (หลอน)  หลังจากสอบเสร็จแล้วก็เลยมีเวลา
กลับมานั่งยอนคิดถึงสิ่งที่ได้จากการเรียนวิชาอันเป็นที่สุดของภาควิชาออกแบบ
นิเทศศิลป์วิชานี้ ซึ่งก็นึกย้อนไปถึงคลาสแรกๆที่ยังมึนงงว่าควรจะต้องทำอะไรกับ
วิชานี้ และการที่อาจารย์ได้ให้ "อิสระ" ในการที่แต่ละคนจะเลือกสร้างงานขึ้นมาด้วย
ตนเองนั้น ทำให้รู้สึกว่าการมีอิสระมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด  เพราะจากการที่เคย
ทำงานตามกรอบของโจทย์ในแต่ละวิชา จึงไม่เคยที่จะคิดงานจากความคิดของตัวเอง
จึงเป็นการยากที่จะควบคุม "อิสระ" ที่ได้มาในครั้งนี้
      โดยผมเองรู้สึกชอบชั้นเรียนในช่วงเช้า ที่เป็นการให้เตรียมเรื่องที่สนใจในสัปดาห์
ที่ผ่านมา (ในห้องเรียกว่า "เรื่องฉูดฉาด") นำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในห้อง
โดยผมเองรู้สึกว่าจากการที่นักศึกษาได้ถูกกระตุ้นโดยอาจารย์ให้แสดงความคิดเห็น 
แต่ละคนก็มีความพยายามที่จะออกความคิดเห็นถึงแม้จะมากบ้างน้อยบ้างก็ตาม 
ส่วนความคิดเห็นของอาจารย์ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมต้องกลับมาคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องราว
ต่างๆ  ที่ปกติแล้วเป็นเรื่องที่ไม่เคยจะคิด เพราะรู้สึกว่ามันเป็นปกติของมันอยู่แล้ว
      ในชั้นเรียนสุดท้ายที่ได้มีโอกาสได้พูดคุยกันในห้องจัดแสดงนิทรรศการอาจารย์ได้ฝาก
ไว้ว่า "อยากให้วิชานี้เป็นเหมือนนาฬิกาปลุก เพื่อให้ทุกคนตื่นและหันมาสนใจกับสิ่งที่กำลัง
เกิดขึ้น ว่ามาตรฐานของนักศึกษาวิชาออกแบบชั้นปีที่ 4 ควรจะเป็นอย่างไร " ผมรู้สึกว่า
นาฬิกาปลุกได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว อยู่ที่ว่าใครจะลุกขึ้นมาหรือเลือกที่จะปิดนาฬิกา
แล้วนอนต่อ.














พบกันใหม่โอกาสหน้่า.

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551

" Last Class " Com5

ในการตรวจสเกตครั้งที่สอง ซึ่ง อ.อนุทิน มีธุระจึงมี อ.ปาน มาแทน และในวันนี้
เป็นวันสุดท้ายของชั้นเรียน ( ที่เรียนกันในห้อง ) จึงเก็บอิริยาบทของ นศ. และ 
อาจารย์ ในชั้นเรียนครั้งสุดท้ายครั้งนี้ เพื่อบันทึกความทรงจำ 

^ อ.ปาน มาแทน อ.อนุทิน ที่ไม่ได้มาในวันนั้น
^ นศ.ที่กำลังจะคลั่ง 555
^ คนนี้มีโลกส่วนตัวสูง
^ รุจา ที่กำลังไหล
^ สามสาวมาดเซอร์ (แต่เสื้อชมพูนี่หน้ามันส์สุดๆ)

^ ท่านั่งแปลกๆนะ เบน 
^ กลุ่มกอซซิบสตาร์ 555
 ^ อ.ติ๊ก ท่าทางจะเหนื่อย ( สังเกตจากสีหน้า )
^ พี่บอย รุ่นใหญ่ของห้อง
^ คนนี้ท่าจะเหงา ( ศิลปกรรมหนาวมาก...)

^ รายการผู้หญิง ผู้หญิง 

ู^ ขอจบด้วยพี่เป้ละกัน 

"global warming" POSTER II

หลังจากส่งสเกตครั้งที่หนึ่ง ก็ได้มีแนวทางที่สามารถทำได้สองแนวทาง คือ นำเอาตัว Type
มีอยู่มาจัดเรียงให้เกิดเป็นโปสเตอร์ และอีกแนวทางหนึ่งคือนำเอาตัว Type ที่จัดเรียงเป็น
ประโยคแล้วนำไปประกอบกับสื่อชนิดอื่น เช่น เสื้อ กระเป๋า ผ้า เป็นต้น จึงได้พัฒนางาน
สเกตมาในสองแนวทาง เพื่อหารูปแบบที่จะสามารถสื่อสารถึงประเด็นการบริโภคแบรนด์
ที่มีผลต่อสภาวะโลกร้อนได้มีประสิทธิภาพที่สุด 







วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

"global warming" POSTER

ความคืบหน้าของวิชาคอมดีไซน์ในช่วงนี้ ทั้งห้องได้ถูกกำหนดให้นำเสนองานในสองรูปแบบ 
คือ โปสเตอร์ และงาน ที่เป็น Time based media โดยโปสเตอร์จำนวนทั้งหมด 10 แผ่น 
โดยจะต้องมีความเป็นชุดเดียวกันทั้งหมด และงาน Time based ไม่กำหนดระยะเวลา 
แต่จะต้องมีการเล่าเรื่องที่เหมาะสม  โดยจะตรวจสเกตสองครั้ง ทั้งงานโปสเตอร์และงาน
Time based และครั้งสุดท้ายจะเป็นการจัดแสดงงานที่หอศืลป์ ม กรุงเทพ รังสิต
ซึ่งโปสเตอร์ที่ทำออกมาเพื่อต้องการจะเสียดสีกระแสการบริโภคนิยมที่เกิดจากการสร้างแบรนด์
ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาวะโลกร้อน  โดยใช้ Type ที่อยู่ในโลโก้ของแบรนด์ต่างๆ มาจัดเรียงให้เกิด
เป็นประโยคใหม่ที่มีความเชื่อมโยงถึงเนื้อหาเรื่องโลกร้อน